ผู้ประกอบการที่พึ่งเริ่มประกอบธุรกิจการค้าหรือประกอบธุรกิจการค้ามานานเพียงใดควรทราบ สิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 1. ความจำเป็นในการจัดทำบัญชี ให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามกฏหมาย 2. การเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคล 3. การเสียภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย 4. การเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 5. การเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 6. กฏหมายเฉพาะสำหรับกิจการบางประเภท(ถ้าท่านไม่เกี่ยวข้องให้ข้ามไป) 7. กฏหมายแรงงานและประกันสังคม 1. ความจำเป็นในการจัดทำบัญชี ให้ถูกต้องครบถ้วนตามกฏหมายกำหนด การจัดทำบัญชี เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการมักมองข้าม โดยคิดว่า มอบหมายให้สำนักงานบัญชี หรือ นักบัญชี จัดทำแล้วก็ไม่ต้องสนใจหรือกังวลใจใดใด ในข้อเท็จจริงแล้ว ความรับผิดชอบ ส่วนหนึ่งยังอยู่กับเจ้าของกิจการ เพราะกฏหมายได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าผู้ประกอบการมีหน้าที่รับผิดชอบอะไร ผู้จัดทำบัญชีมีหน้าที่อย่างไร หากเกิดข้อผิดพลาดอันใดขึ้นเป็นการยากที่ผู้ประกอบการจะหลีกเลี่ยงปัญหาได้ เพราะเมือเราตัดสินใจประกอบกิจการใดใดแล้ว จุดมุ่งหมายสำคัญคือความสำเร็จและการดำรงค์อยู่ของกิจการ และหากเกิดปัญหาใดใดขึ้นเรามักจะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับการกิจของเรา ในบทความนี้มีความประสงค์ที่จะชี้นำให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจในวงจรบัญชี อย่างคราวๆ และเข้าใจกฏหมายบัญชีโดยสังเขป ส่วนประกอบของวงจรบัญชี มีดังนี้ 1. เกิดรายการค้า 2.วิเคราะห์รายการค้า 3.บันทึกรายการค้าในสมุดรายวันขั้นต้น 4.ผ่านไปบัญชีแยกประเภท 5.Footing (หายอดคงเหลือซึ่งปัจจุบันในการทำงานจริงไม่มีการทำแล้วเนื่องจากโปรแกรมคอมฯให้ยอดคงเหลือแล้ว) 6.งบทดลองก่อนรายการปรับปรุง 7.ปรับปรุงบัญชี 8.งบทดลองหลังรายการปรับปรุง 9.ปิดบัญชี 10.จัดทำงบการเงิน ประกอบด้วย งบดุล งบกำไรขาดทุน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น งบกระแสเงินสด หมาย เหตุประกอบงบการเงิน 11.การจัดทำงบรวมกิจการ (1) งบแสดงฐานะของกิจการ (2) งบกำไร-ขาดทุนรวม (3) งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (4) งบกระแสเงินสดรวม 12.การวิเคราะห์งบการเงิน 13.การควบคุมภายในและการตรวจสอบภายใน สิ่งที่ท่านต้องให้ความสำคัญและรับรู้คือ การเกิดขึ้นของรายการค้า ที่ท่านจะต้องรวบรวมและส่งให้นักบัญชีจัดทำบัญชีใช้ครบถ้วนตั้งแต่ข้อ 2 - 13 และท่านจะต้องให้ความสำคัญกับส่วนที่ 10 - 13. โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่ 13 เพื่อป้องกันการรั่วไหลของกิจการ อันเกิดจากการทุจริต ของพนักงานหรือของคู่ค่าของท่าน ส่วนกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำบัญชี มีดังนี้ 1. กฏหมายแห่งพาณิชย์ 2. พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ.2535 3. ประมวลรัษฏากร สิ่งที่ท่านต้องเรียนรู้คือ มีกฏหมายอะไรที่เกี่ยวข้องกับท่านในช่วงเกิดรายการค้าบ้างและท่านจะต้องดำเนินการอะไรบ้างในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเกิดรายการค้า
2. การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลโดยปรกติ จะต้องเสีย ปีละ 2 ครั้ง คือภาษีกลางปี และ ภาษีเงินได้ประจำปี โดยภาษีเงินได้กลางปีจะประมาณการจากรายได้หักรายได้ว่ามีกำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ และนำไปคำนวณภาษีเงินได้ โดยใชแบบ ภงด.51 เสีย ภายในสองเดือน นับแต่วันสุดท้ายของระยะเวลาหกเดือนแรกของรอบบัญชี ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี จะคำนวณจากกำไรสุทธิตามรอบระยะเวลาบัญชี โดยใช้แบบ ภงด.50 ภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี (รอบระยะเวลาบัญชี หมายถึงรอบบัญชี 12 เดือน )
3.การเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย หมายถึงการหักเงินจากผู้รับเงินบางส่วนเพื่อนำไปจ่ายภาษีในเดือนต่อไปโดยหักเป็นเปอร์เซนต์ ตามที่กฏหมายกำหนด วิธีนี้กิจการมีหน้าที่ หักเงินภาษีจากการจ่ายเงินบางประเภทเพื่อส่งมาเสียให้กับรัฐ ภายใน วันที่ 7 ของเดือนถัดไปและผู้ถูกหักเงิน จะต้องได้รับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากผู้หักเงินด้วยทุกครั้ง ภาษีส่วนของผู้ถูกหัก ถือเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่จ่ายล่วงหน้าไปก่อนหากกิจการมีภาระภาษีที่จะต้องจ่ายในปีน้อยกว่าส่วนที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้ สามารถขอคืนเงินภาษีส่วนนี้ได้ ภายในระยะเวลาที่กฏหมายกำหนด ส่วนผู้มีหน้าที่หัก ภาษี ณ ที่จ่ายมีหน้าที่ รวมรวมภาษีที่หัก ณ ที่จ่ายไว้ในแต่ละเดือน เพื่อนำส่งในเดือนถัดไป ไม่เกินวันที่ 7 ของเดือนถัดไป โดยใช้แบบ ภงด. 1 สำหรับเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายประเภท เงินเดือนของพนักงาน แบบ ภงด.3 สำหรับเงินที่หัก ณ ที่จ่าย จากบุคคลธรรมดา และ แบบ ภงด.53 สำหรับเงินที่หัก ณ ที่จ่าย จากนิติบุคค 4. การเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม |